Language

Wilsonart

Shopping Cart 0
THB 0.00

Privacy Notice

คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)

บริษัท วิลสันอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท วิลสันอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจึงมีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ซึ่งต่อไปนี้เรียกว่า “ประกาศเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นเจ้าข้องข้อมูลส่วนบุคคล ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล (กิจกรรมประมวลผล) บริษัท วิลสันอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า บริษัท ดำเนินการในฐานะ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล มีอำนาจในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากท่านเพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้

ทั้งนี้บริษัทดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้

  1. ฐานกฏหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 19 และมาตรา 24 ดังต่อไปนี้

  • 1.1 ฐานเอกสารประวัติศาสตร์ จดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ การศึกษาวิจัยหรือสถิติ
  • 1.2 ฐานป้องกันประโยชน์สำคัญต่อชีวิต หรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล
  • 1.3 ฐานสัญญา เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญา เช่น ทำสัญญาจ้างงานหรือการปฏิบัติตามสัญญาจ้างงานกับเจ้าของข้อมูล
  • 1.4 ฐานภารกิจสาธารณะ หรืออำนาจรัฐ เป็นการจำเป็นปฏิบัติตามหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
  • 1.5 ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฏหมาย เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลภายนอก เพื่อให้สมดุลกับประโยชน์และสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
  • 1.6 ฐานปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
  • 1.7 ฐานความยินยอม การขอความยินยอมโดยการชัดแจ้งเป็นหนังสือหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่โดยสภาพไม่อาจขอความยินยอมด้วยวิธีดังกล่าวได้
  1. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล

บริษัทจะใช้หลักฐานการประมวลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้น เพื่อดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

สำหรับลูกค้า คู่ค้า ผู้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ

1. การยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของบริษัทหรือติดต่อใช้บริการ หรือใช้สิทธิตามกฎหมาย

2. ให้บริการและบริหารจัดการบริการของบริษัท ทั้งบริการภายใต้สัญญาที่มีต่อท่าน หรือตามพันธกิจของบริษัท และการดำเนินการทางธุรกรรมของบริษัท รวมทั้งความจำเป็นในการดำเนินการด้านการเงิน

3. ควบคุมดูแล ใช้งาน ติดตาม ตรวจสอบและบริหารจัดการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับบริการของบริษัท

4. ส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสารไปยังท่าน และส่งมอบเอกสารหรือข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องและจำเป็น

5. ปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ทันสมัย

สำหรับผู้สมัครงาน

1. เพื่อใช้ในการสรรหา คัดเลือก ว่าจ้าง และการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสรรหาว่าจ้างของบริษัท เพื่อพิจารณาเป็นพนักงานของบริษัทหรือเป็นนักศึกษาฝึกงาน

2. เพื่อยืนยันตัวบุคคลและการติดต่อประสานงานในการพิจารณารับสมัครงาน

3. การติดต่อกรณีฉุกเฉินไปยังบุคคลที่เจ้าของข้อมูลกำหนด หรือติดต่อบุคคลอ้างอิงในเอกสารสมัครงาน

4. วัตถุประสงค์อื่นใดที่บริษัทได้ข้อมูลจากเอกสารใบสมัครงาน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องในการสมัครงาน

5. กรณีไม่ผ่านการพิจารณากระบวนการสรรหาว่าจ้าง บริษัทจะเก็บข้อมูลไว้เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อพิจารณาตำแหน่งที่เหมาะสมที่อาจมีเพิ่มในอนาคต

สำหรับพนักงานของบริษัท

1. เพื่อใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ เช่น การฝึกอบรมพัฒนาบุคลากร การบริหารจัดการสวัสดิการ การจ่ายค่าจ้างและค่าตอบแทน ผลประโยชน์ต่างๆ อัตราการขึ้นค่าจ้าง โบนัส เป็นต้น

2. การตรวจสอบภายในเพื่อติดตามข้อร้องเรียน หรือติดตามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม หรือไม่ปฏิบัติกฏระเบียบข้อบังคับในการปฏิบัติงานของบริษัท รวมทั้งการป้องกันการฉ้อโกง หรือประพฤติผิดต่อกฏหมายทำให้บริษัทเสื่อมเสียชื่อเสียง

3. ปฏิบัติตามกฏหมายเช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงาน, พระราชบัญญัติประกันสังคม, พระราชบัญญัติเงินทดแทน, พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์, ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์, พระราชบัญญัติประมวลรัษฏากร, พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นต้น

4. เพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของหน่วยงานราชการ อาทิเช่น คำสั่งศาล หรือข้อบังคับต่างๆ ของหน่วยงานราชการ

  1. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและใช้

เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่แจ้งในข้อ 2 บริษัทจึงได้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเท่านดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • 3.1 การเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการใช้วิธีการด้วยชอบกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
  • 3.2 ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจส่งผลกระทบต่อเจ้าของข้อมูลที่อาจะไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัท และอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฏหมายใดๆ ที่เจ้าของข้อมูลหรือบริษัทต้องปฏิบัติตาม
  • 3.3 ข้อมูลที่เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้
  •    1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม
  •    2. ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

    ประเภทข้อมูล

    รายละเอียดและตัวอย่าง

    รายละเอียดส่วนบุคคล

    ชื่อ ชื่อกลาง นามสกุล ชื่อเล่น นามแฝง เพศ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด การศึกษา สถานภาพสมรส ข้อมูลของคู่สมรส เลขที่บัตรประชาชน ภาพถ่ายใบสมัครงาน ข้อมูลบุคคลในครอบครัว หมายเลขบัญชีธนาคาร การบันทึกภาพโดยกล้องวงจรปิด (CCTV) การบันทึกภาพนิ่งหรือเคลื่อนไหวในการอบรมหรือกิจกรรมของบริษัท ข้อมูลการคัดกรองตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด 19 หรือโรคระบาดต่างๆ เป็นต้น

    รายละเอียดการติดต่อ

    ที่อยู่ปัจจุบัน อีเมล (E-mail) หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ไอดีไลน์ (Line ID) ผู้ที่ติดต่อกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง

    รายละเอียดการทำงาน

    ประวัติการปฏิบัติงานที่ผ่านมา ตำแหน่ง ระยะเวลาการปฏิบัติงาน ค่าจ้าง (เงินเดือน) สวัสดิการ โบนัส ผลตอบแทนอื่นๆ การฝึกอบรม หนังสือรับรองการผ่านงาน หนังสือรับรองต่างๆ

    ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

    บริษัทไม่มีความประสงค์จะเก็บรวบรวมข้อมูลอ่อนไหว เช่น ข้อมูลศาสนาและหมู่โลหิตที่ปรากฏอยู่ในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ยกเว้นแต่

    1.   บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูล

    2.   กรณีอื่นใดตามที่กฏหมายกำหนด

    อย่างไรก็ตามบริษัทจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

    ข้อมูลชีวภาพ

    ข้อมูลชีวภาพเป็นข้อมูลส่วนบุคคลประเภทหนึ่งซึ่งเกิดจากการใช้เทคนิคหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการนำ "ลักษณะเด่นทางกายภาพ หรือ ทางพฤติกรรมของบุคคลมาใช้ (เป็นอัตลักษณ์ของบุคคล) ที่ทำให้สามารถยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นที่ไม่เหมือนกับบุคคลอื่นได้ ดังนี้

    1. ทางกายภาพ ข้อมูลภาพจำลอง ข้อมูลจำลองม่านตา ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ การจดจำเสียง

    2. ทางพฤติกรรม การวิเคราะห์ลายมือชื่อ การวิเคราะห์การเดิน การวิเคราะห์การกดแป้นพิมพ์อุปกรณ์คอมพิวเตอร์

     

    1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

      1. บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยใช้หลักเกณฑ์พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มาตรา 19 และมาตรา 24 ดังรายละเอียดข้างต้นข้อ 1.1 ถึง 1.7

      2. หน่วยงานราชการ หรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฏหมาย เช่น กระทรวงแรงาน กรมพัฒนาฝีมือแรงาน สำนักงานประกันสังคม กรมบังคับคดี ศาล กองทุนให้ยืมเพื่อการศึกษา เป็นต้น

      3. หน่วยงานหรือบุคคลภายในบริษัท เช่น ผู้บริหาร หัวหน้างาน พนักงาน โดยจะต้องมีความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ในการทำกิจกรรมต่างๆ ภายบริษัท หรือการที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกัน หรือลักษณะงานที่ต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในการปฏิบัติงาน เป็นต้น

      4. ผู้ให้บริการภายนอกบริษัท เช่น ธนาคาร บริษัทประกันภัย โรงพยาบาล บริษัทสกิลพาวเวอร์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จัดกัด ตัวแทนในการยื่นใบขออนุญาตทำงาน บริษัทด้านฝึกอบรมพัฒนา เป็นต้น

    2. สิทธิของเจ้าของข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
    • 5.1 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคล หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ ตนไม่ได้ให้ความยินยอม

    • 5.2 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

    เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่าน หรือใช้งานได้ทั่วไปได้โดยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิดังนี้

        1. ขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น เมื่อสามารถทำได้โดยวิธีการอัตโนมัติ

        2. ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่สภาพทางเทคนิคไม่สามารถทำได้

      • 5.3 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

     เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อใดก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

        1 (1) กรณีที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมได้โดยได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมตามข้อ 4 หรือ 1.5 เว้นแต่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลพิสูจน์ได้ว่า

    •         บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฏหมายที่สำคัญยิ่งกว่า
    •         เพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย   
    •     2 (2) เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดโดยตรง
    •     3 (3) เพื่อวัตถุประสงค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ เว้นแต่เป็นการจำเป็นเพื่อ ดำเนินการภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

       5.4 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

      เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ดำเนินการลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีต่อไปนี้

         1. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

         2. เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลไม่มีอำนาจตามกฏหมาย

         3. เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามข้อ 5.3 (1) และบริษัทไม่อาจปฏิเสธคำขอคัดค้าน หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดโดยตรง

         4. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลได้ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย

        • 5.5 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

      เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิในการขอให้ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีดังต่อไปนี้

         1.เมื่อผู้ควบคุมข้อมมูลส่วนบุคคลอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ การแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ครบถ้วนและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

         2. เมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบหรือทำลาย แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้ระงับการใช้แทน

         3. เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีความจำเป็นต้องขอให้เก็บรักษาไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย หรือยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย

         4. เมื่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ระหว่างการพิสูจน์ตามข้อ 5.3 (1) และข้อ 5.3 (3) เพื่อปฏิเสธการคัดค้านของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

        • 5.6 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

       หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง เจ้าของข้อมูลมีสิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ครบถ้วนและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

      • 5.7 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

       เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเพิกถอนความยินยอมที่ให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของตนเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฏหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้อาจทำให้เจ้าของข้อมูลไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัทได้

      • 5.8 สิทธิในการร้องเรียน

      ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพบว่าบริษัทมิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย ทั้งนี้ก่อนการร้องเรียนดังกล่าวบริษัท ขอให้ท่านโปรดติดต่อมายังบริษัท เพื่อให้บริษัทมีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของท่านก่อนในโอกาสแรก

      1. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ

      การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น (AICA Group) และมีบริษัทในเครือที่ดำเนินธุรกิจร่วมกันในต่างประเทศ หรือบริษัทอื่นที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของ AICA Group หรือบริษัทอื่นที่ดำเนินการเพื่อประโยชน์ของบริษัท ในบางครั้งบริษัทอาจมีความจำเป็นจะต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ บริษัทคำนึงถึงความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศที่มีความน่าเชื่อถือ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนี้

      • 6.1 เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้เราจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
      • 6.2 เราได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้เป็นไปตามรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนดให้สามารถส่งหรือโอนข้อมูลได้

      6.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ หรือ เพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

      1. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็น ตามวัตถุประสงค์ที่แจ้งต่อเจ้าของข้อมูล ในกรณที่ไม่มีธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือสิ้นสุดสภาพการจ้างกับบริษัท โดยบริษัทจะจัดเก็บตามระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดหรือตามอายุความเพื่อการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย เมื่อสิ้นสุดสัญญาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ เพื่อใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่นการวิเคราะห์เชิงสถิติ การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ

      1. มาตรการความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทมีมาตราการและแนวการปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านอย่างเหมาะสมทั้งในเชิงเทคนิคและบริหารจัดการ เพื่อป้องกันการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การทำงาน รวมทั้งการแก้ไข เปลี่ยนแปลง การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล โดยไม่มีสิทธิอันชอบด้วยกฏหมาย ซึ่งสอดคล้องกับแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัท (Information Technology Security) ดังต่อไปนี้

         1. กำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคณะกรรมการทำงานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

         2. การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของแต่ละหน่วยงานภายในบริษัท เพื่อป้องกันการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต

         3. การให้ความรู้และแนวการปฏิบัติแก่พนักงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเอง และช่วยตรวจสอบหากมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เป็นไปตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 บริษัท กำหนดไว้

      1. การมีส่วนร่วมกับของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

      เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยส่งคำร้องขอผ่านวิธีการติดต่อบริษัท

      ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ์ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เราจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย

      ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ตามกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวท่านได้

      1. ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

      บริษัทได้กำหนดเจ้าหน้าที่เฉพาะผู้มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ โดยบริษัทจะเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้อย่างเคร่งครัด

      1. ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก

      ข้อมูลส่วนบุคคลภายนอก อาทิเช่น บิดา มาดา พี่ น้อง บุตร บุคคลติดต่อกรณีฉุกเฉิน บุคคลอ้างอิง หรือชื่อบุคคลที่อยู่ในเอกสารสมัครงานหรือหนังสือรับรองต่างๆ เจ้าของข้อมูลมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลและยินยอมให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมทั้งเจ้าของข้อมูลจะเป็นผู้แจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบและยินยอมให้ใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

      1. การปรับปรุงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว

        บริษัทอาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงคำประกาศความเป็นส่วนตัว ตามที่เห็นสมควรและจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ www.wilsonart.co.th โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดีบริษัทขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อยู่สม่ำเสมอ ผ่านแอปพลิเคชั่น หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ท่าจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท

        โดยในการเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ของท่าน ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้โปรดหยุดการใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากท่านยังคงใช้งานต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าท่านได้รับทราบการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว

        บริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทบทวนมาตรการและแนวการปฏิบัติอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเพื่อให้ปรับปรุงตามความจำเป็นและสอดคล้องกับประกาศที่เกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่อาจจะมีเพิ่มเติมในอนาคต
      2. วิธีการติดต่อบริษัท

        หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทกรุณาติดต่อบริษัทตามช่องทางดังต่อไปนี้

        •    13.1 ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)

                    บริษัท วิลสันอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

                    เลขที่  75/16 หมู่ 5 ซ.วัดโสภณาราม ถ.เอกชัย  ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000

                    ช่องทางการติดต่อ :  034-834-414

        •    13.2 เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection officer : DPO)

                   บริษัท วิลสันอาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

                   เลขที่  75/16 หมู่ 5 ซ.วัดโสภณาราม ถ.เอกชัย  ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000

                   ช่องทางการติดต่อ :  034-834-414

                   อีเมล dpo@wilsonart.co.th